ถ้าไม่นับ Windows XP ที่ถือว่าเป้น Windows ที่มีคนใช้เยอะและนานมากที่สุดแล้ว Windows 7 ตัวใหม่ล่าสุด ก็เป็น Windows ที่มีคนใช้งานเพิ่มขึ้นมากขึ้นๆ เรื่อย อยู่ทุกวัน และในช่วงรอยต่อระหว่าง Windows XP และ 7 คงไม่ลืมนะครับว่ามี Windows Vista อยู่ด้วย

ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุอะไร ก็ที่เห็นๆคือ ผมแทบจะไม่เจอคนใช้ Windows Vista เลย อาจจะมีบางคนที่ใช้เพราะว่าได้มาพร้อมกับเครื่อง Notebook หรือไม่รู้วิธีลง ไม่อยากเข้าร้าน ก็ว่ากันไปครับ

แต่สำหรับกรณีนี้คือ มีลูกค้าต่างชาติ ต้องการเปลี่ยน Windows Vista ที่ใช้อยู่ให้กลายเป็น Windows 7 โดยมีสิ่งสำคัญคือ ข้อมูลทุกอย่างจะต้องอยู่ครับ และวิธีเดียวที่ทำได้(และนึกได้) ก้คือการ Upgrade ครับ

วิธีการ Upgrade Windows Vista เป็น Windows 7 แบบ Step By Step

- ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะ Backup ข้อมูลของเครื่อง(เฉพาะไดรฟ์ที่ลง Windows) เอาไว้ก่อนก็จะดีครับ กันเอาไว้ก่อน เผื่อพลาด

- การอัพเกรดต้องอัพเกรดไปเป็นรุ่นเดียวกัน ในกรณีนี้คือจาก Windows Vista Home Premium ไปเป็น Windows 7 Home Premium 32 บิต (ดูจาก System Type ตามภาพ)

- เริ่มต้นให้ใส่แผ่น Windows 7 Setup แล้วดับเลิ้ลคลิ๊กที่ไดรฟ์ครับ หรือว่าจะรอ Autorun ก็ได้

- ในหน้าต่าง Install Windows ให้กดที่ Install Now

- รอครับรอ

- ขั้นตอนนี้จะเป็นการ Update Windows เพื่อความพร้อมในการ Upgrade ครับ ถ้าต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ก็แนะนำว่าให้กด “Go Online to get …” แต่ถ้าไม่มีก็เลือก “Do not get the lastest…” ครับ

- เลือกรุ่นของ Windows 7 ที่จะอัพเกรดครับ ในที่นี้ผมจะใช้ Windows 7 Home Premium X86(32 บิต) ครับ ขั้นตอนนี้ห้ามเลือกผิดนะครับ เพราะการ Upgrade จะไม่สมบูรณ์  เสร็จแล้วกด Next

- ติ๊กเลือก “I accept the license items” และกด Next

- เลือกการติดตั้งเป็น Upgrade ครับ

- ขั้นตอนนี้เป้นการเช็คความใเข้ากันได้ของ WIndows 7 ครับ ใช้เวลานานพอสมควร ขึ้นอยู่กับโปรแกรมและ Driver ที่ลงไว้ในเครื่อง

- จากนั้นจะมีหน้าต่าง Report รายงานว่ามีโปรแกรมไหนหรือว่า Driver อะไรที่มีปัญหาบ้าง ในภาพคือ โปรแกรม Google Toolbar อาจจะใช้งานไม่ได้หลังการ Upgrade แต่ก็สามารถกด Next เพื่อข้ามไปขั้นตอนต่อไปได้อยู่ครับ

แต่ถ้าไม่มีปุ่ม Next แสดงออกมา ก้ให้ไป Uninstall โปรแกรมหรือว่า Driver ตามรายชื่อที่แสดงอยู่ ออกให้หมดครับ แล้วก็เริ่มขั้นตอนการ Upgrade ตั้งแต่แรกใหม่อีกครั้ง

-  เสร็จสิ้นการตั้งค่า ตอนนี้ก็รอจนกว่าการ Upgrade จะเสร็จครับ ใช้เวลาประมาณ 1 – 3 ชั่วโมง แล้วแต่ขนาดของข้อมูล หลังจากเสร็จจากขั้นตอนนี้ Windows จะ Restart ตัวเอง เป้นอันเสร็จสิ้นการ Upgrade ครับ

- หน้าตา Desktop หลังการ Upgrade จะเห็นว่าเหมือนเดิมเป๊ะๆ

- เข้าไปเช็คใน System Properties อีกที เป็น Windows 7 Home Premium เรียบร้อยครับ

     พูดถึงโปรแกรม Outlook Express แล้ว ทำให้นึกถึงตอนที่โปรแกรมพวก Email Client กำลังโด่งดัง อย่างเช่นโปรแกรม Incredimail แต่ตอนนี้หาคนใช้ได้น้อยครับ
      โจทย์คราวนี้ คือ ให้ Backup ข้อมูลในโปรแกรม Outlook Express บน Windows XP ผมคิดว่าน่าจะเป็นข้อมูล Email ครับ

ที่มา : http://www.gigagia.com/backup_outlook_express.htm
http://oxygen.readyplanet.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=398171&Ntype=4

วิธีการ Backup ข้อมูลในโปรแกรม Outlook Express (WindowsXP)

- ขั้นแรกให้ไปที่เมนู Tools > Options

- ไปที่แท๊บ Maintenance กดปุ่ม Store Folder

- ให้ Copy ข้อความที่อยู่ในช่องทั้งหมดครับ ตรงนี้จะเป็นตำแหน่งของไฟล์ที่เราจะ Backup ครับ

- เปืด Explorer หรือ My COmputer ขึ้นมาแล้ว วางข้อความที่เพิ่ง Copy มาไว้ในช่อง Address

ไฟล์ทั้งหมดที่เห็นก็คือ ไฟล์ข้อมูลของ Outlook Express

จากนั้นให้ Copy ไฟล์ทั้งหมดไว้ ในโฟลเดอร์ที่เราต้องการจะ Backup ครับ

- ถ้าลองกด Up จะเห็นว่าข้อมูลที่เห็น อยู่ในโฟลเดอร์ Outlook Express นั่นเอง

วืธีการ Restore ข้อมูลในโปรแกรม Outlook Express

- ไปที่เมนู Import > Messages

- เลือก Microsoft Outlook Express 6 กด Next

- เลือก Import mail from an OE6 store directory กด OK

- กดปุ่ม Browse เลือกโฟลเดอร์ที่ Backup ข้อมูลไว้แล้ว

- กด Next

- เลือก All Folder เพื่อ Restore ข้อมูลทั้งหมด กด Next

- รอสักครู่จนเสร็จครับ

- เสร็จเรียบร้อยครับ

     ปัญหานี้เจอกับตัวเองครับ อาการคือ เครื่องจะค้างในตอนที่หน้าจอขึ้นคำว่า Starting Windows ไม่ว่าจะลองเข้าแบบปกติหรือ safe mode หรือแม้แต่ใช้การ Startup Repair ยังไงก็เข้า Windows ไม่ได้
     การแก้ปัญหาของผมคือ ลองติดตั้ง Windows ใหม่ แต่ไม่ว่าจะใช้การติดตั้งแบบไหน แผ่นไหน ก็อาการเดียวกัน(ค้างที่เดิม) แต่บางทีก็เข้าได้ อย่างเช่น พอลงเสร็จก็เข้า Windows 7 ได้ปกติ แต่พอ Restart กลับมาคราวนี้เข้าไม่ได้แล้วครับ น่าแปลกจริงๆ

     คราวนี้ผมลองค้นหาข้อมูลจากใน Internet ดูหลายๆเว็บ ส่วนมากก็จะเป็น PC ซะมากกว่า แต่ก้มีใกล้เคียงบ้างในเว็บ Notebookspec ส่วนมากก็แนะนำว่าให้ลง Windows ใหม่ (ผมทำมาหมดแล้วหละ)
    แต่ก็ไปสะดุดกับความคิดเห็นของเว็บนอก คือ ให้เข้า BIOS แล้วปิดการทำงานของฟังก์ชั่นแปลกๆให้หมด พอรู้เข้าแบบนั้นผมก็เลยลองผิดลองถูกแล้วผลออกมาคือ ใน BIOS ให้ตั้งค่าตามนี้ครับ
(การตั้งค่าทั้งหทด ผมทดลองเอง และแก้ปัญหานี้ได้แล้วครับ)
ให้เปิดเครื่อง แล้วกด F2 เพื่อเข้า BIOS ครับ

Intel(R) Speedstep(tm)   = Disabled
Hypertreading              = Enable
Legacy OS Boot            = Enable
Legacy USB Support      = Enable
Large Disk Access Mode  = Other

AHCI Mode COntrol       = Auto
EDB(Execute Disable Bit)  = Disabled
Internal Lan                   = Enable
TouchPad Mouse           = Enable
Fan Silent Mode             = Auto
USB S3 Wakeup             = Disable
Battery Life Cycle Extension  = Disabled

เสร็จแล้วก็กด F10 เลือก OK แล้วลองกลับเข้า Windows 7 ใหม่ครับ
วิธีการแบบนี้ผมใช้กับเครื่อง Samsung  NP-R439-DA02TH เท่านั้นนะครับ
ได้ผลยังไงก็ Comment บอกกกันได้ครับ

     เคยแนะนำกันไปแบบคร่าวๆ แล้วครับ (EASEUS Partition Master Pro 5 : โปรแกรมจัดการพาร์ทิชั่นคุณภาพ ราคาแพง แต่โหลดฟรี ) มาในบทความนี้ผมจะทดลองใช้งานโปรแกรม EASEUS Partition Home Edition แบบสถานการณ์จริงๆให้ได้เห็นกันเลยว่าใช้งานง่ายกว่า Partition Magic ซะอีก

โจทย์ในคราวนี้คือ
- มีเครื่อง Asus EeePC เครื่องหนึ่ง Harddisk ขนาด 80GB มีการแบ่ง Partition ไว้แล้ว 1 Partition ขนาดประมาณ 80 GB และต้องการจะแบ่งไดรฟ์ D เพิ่ม โดยให้ไดรฟ์ C ที่ลง Windows ไว้แล้วมีขนาดอย่างน้อยที่สุด 30 GB ส่วนพื้นที่ที่เหลือทำเป็นไดรฟ์ D ได้เลย (มีข้อแม้ว่าข้อมูลและโปรแกรมต่างๆใน Drive C จะต้องเหมือนเดิม)

สำหรับใครที่ยังไม่มีโปรแกรมนี้ แนะนำให้ไปดาวน์โหลดได้ที่ http://www.partition-tool.com/personal.htm หรือจะดาวน์โหลดจากที่นี่ก็ได้ครับ (ตัวเดียวกัน แต่คนละเวอร์ชั่น)

ดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็ Setup เหมือนโปรแกรมทั่วๆไปครับ

การแก้ปัญหา – ผมจะใช้โปรแกรม resize Drive C ให้เหลือประมาณ 30 GB ส่วนที่เหลือก็สร้างเป็น Drive D
งานนี้จะไม่มีการลง Windows ใหม่อย่างแน่นอน

มาเริ่มกันเลย

- เปิดโปรแกรม EASEUS Partition Home Edition ขึ้นมาครับ จะเห็นว่าตอนนี้มีแค่ไดรฟ์ C อย่างเดียว

- คลิ๊กขวาบน Drive C แบบในภาพครับ แล้วเลือก “Resize/Move”

- การ Resize Partition ทำได้หลายแบบครับ แต่แบบที่ผมถนัดคือ ใช้เทาส์ชี้ไปที่ด้ายปลายสุดของ Partition จนกว่าจะมีรูปแบบในภาพแล้วกดค้างเลื่อนเข้ามา ถ้าใครไม่เข้าใจก็ลองทำดูครับหรืออาจจะพิมพ์ค่าในช่อง Partition Size เลยก็ได้

- จากนั้นก็ย่อให้เหลือขนาดประมาณ 30 GB เสร็จแล้วกด OK

- พอกลับมาที่โปรแกรม จะเห็นว่ามีพื้นที่ว่าง (Unallocated) และนั่นก้คือ พื้นที่ว่างที่เหลือจากการ Resize จากขั้นตอนก่อนกน้านี้ครับ และผมก็จะเอาพื้นที่ที่เหลือทั้งหมด มาสร้างเป็นไดรฟ์ D

- วิธีก็เหมือนเดิมครับ คลิ๊กขวา แต่ให้เลือกที่ Create นะครับ

- พอมาถึงหน้าต่างนี้ ให้เลือก Create As : เป็น Logical และ File System เป็น NTFS ครับ กด OK ได้เลย

- กลับมาที่โปรแกรม เห็นได้ว่าตอนนี้มี 2 ไดรฟ์แล้ว (แต่ยังไม่เสร็จครับ)

- ขั้นตอนสุดท้ายคือให้กดปุ่ม Apply ทางซ้ายบน แต่ต้องแน่ใจก่อนนะครับ ว่าจัดการ Partition เสร็จแล้ว ถ้ายังไม่แน่ใจก็กด Undo ก่อนครับ ถ้าแน่ใจแล้วก็กด Apply ได้เลย

- กด Yes เพื่อยืนยันอีกครั้ง ถ้ายังมีหน้าต่างขึ้นมาอีกก็ให้กด OK ไปได้เลยครับ

ในบางครั้งการแบ่ง Partition ก็อาาจะใช้เวลาที่สั้นมาก หรือนานมาก ขึ้นอยู่กับว่ามีการย้ายข้อมูลอะไรบ้าง ถ้ามีการย้ายไฟล์ Windows โปรแกรมก็จะถามอีกครั้ง ให้กด OK ไปได้เลย หลังจากนั้นเครื่องจพ Restart และทำการย้ายข้อมูลให้เอง เราก็แค่รอจนกว่าจะเสร็จ และเครื่องกลับมาเข้า Windows ได้่ตามปกติ

และที่สำคัญต้องกลับมาเช็ต Partition ที่แบ่งไว้ด้วยนะครับ ภาพนี้เป็นผลจากการ Resize ตามขั้นตอนทั้งหมดครับ

     วันนี้เจอเทคนิคที่น่าสนใจอย่างนึงเข้าครับ ในช่วงที่ต้องเจอกับการใช้งาน Windows หลายๆเวอร์ชั่น ผมพบว่า Starter Edition ของ Windows XP นั้น ค่อนข้างแย่ครับ ทำงานอะไรไม่ได้มาก ติดนู่นติดนี่ไปหมด
     และเมื่อไม่นานมานี้ผมก็มาเจอกับ Windows 7 Starter เข้าจนได้ และเครื่องที่ใช้ Windows แบบนี้ก็คือ HP Netbook ขนาดเล็ก (แต่ราคาไม่เล็กตาม ความร้อนก็ด้วย) แถมยังเป็น Windows แบบลิขสิทธิ์ซะด้วย
    ก่อนพูดถึงวิธีทำ ผมขออธิบายความสามารถของ Windows 7 Starter ตัวนี้แบบคร่าวๆกันก่อนนะครับ

ความสามารถของ Windows 7 Starter
- มีจำหน่ายเฉพาะระบบ 32 บิตเท่านั้น
- ไม่มี Aero (Taskbar และเมนูแบบใสๆ)
- ไม่มีตัวเลือกให้ปรับ Visual Style และ Wallpaper

- เปิดโปรแกรมได้พร้อมกันสูงสุด 3 โปรแกรม

เอาหละครับ มาว่าวิธีการเปลี่ยน Background ให้กับ Windows 7 Starter กันเลยดีกว่า

- เริ่มต้นก็ให้ไปดาวน์โหลดโปรแกรม Oceanis Change Background Windows 7 มาจากที่นี่ครับ (ขนาด 3 MB)

- ให้ Extract ไฟล์ออกมาและทำการ Setup ตามปกติ

- จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมา จะเห้นว่ามี Background ตัวอย่างมาให้บางส่วนแล้ว

ถ้าจะเพิ่มก็กด Browse แล้วเลือกภาพได้เลยครับ

นอกจากนี้ยังมีการติ๊กเลือกภาพได้ตามต้องการ กำหนดเวลาการเปลี่ยนภาพ

ซึ่งความสามารถนี้ก็คล้ายๆกับใน Windows 7 รุ่นอื่นๆครับ

ลองเอาไปใช้งานกันดูครับ

ที่มา : http://www.sevenforums.com

     Windows 7 ออกมาให้เราๆท่านๆ ใช้กันมานานพอสมควรแล้วนะครับ แต่จะด้วยเพราะอคติหรือว่าความเข้าใจผิดๆ ก็ไม่รู้ ทำให้หลายๆคนไม่กล้าออกมาใช้ทั้งที่ใช้เครื่อง notebook เครื่องใหม่กันอยู่ เอาเป็นว่าผมขอเป็นแรงสนับสนุนให้คนใช้ Windows 7 กันมากขึ้นละกันครับ
     ขั้นตอนการติดตั้ง Windows 7 ผมขอข้ามไปเลยนะครับ เพราะว่าง่ายมาก แต่หลังจากที่ติดตั้งเสร็จแล้ว พอมาถึงหน้า Desktop บางคนก็ถึงกับทำตัวไม่ถูกว่าจะทำอะไรกันดี ผมเลยขอแนะนำจากประสบการณ์ ด้วย 3 สิ่ง ดังนี้ครับ

1. ตั้งค่า Icon หน้าจอและ Theme Windows 7 ให้แสดงผลแบบเต็มประสิทธิภาพ

ขั้นแรกตั้งค่าความละเอียดหน้าจอกันครับ คลิ๊กข;าเลือก Screen Resolution

ตั้งค่าความละเอียด ตามหน้าจอที่ใช้งานครับ ถ้าขอ CRT ก็จะเป็น 1024×768 ถ้าเป็น LCD หรือ Notebook ก็จะเป็น 1280×800 หรือรุ่นใหม่ๆจะเป็น 1366×768 (การตั้งให้ดุว่าภาพและตัวอักษรคมชัดหรือไม่) เสร็จแล้วก็กด OK ครับ

ต่อไปก็เป็นการตั้งค่า Theme ให้เป็นแบบ Aero (จะใช้ทรพยากรในเครื่องมากขึ้นนะครับ แนะนะ Ram สัก 2 GB จะเหมาะที่สุด) คลิ๊กขวาเลือก Personalize

เปลี่ยน Theme ให้เป็น Aero Theme แบบในภาพ (หรือจะเป้นแบบอื่นๆก็ได้ครับ)

ถ้าปรับแล้ว Theme ยังไม่เปลี่ยน แสดงว่า Driver การ์ดจอไม่มีหรือใช้ไม่ได้ครับ ต้องติดตั้งก่อนครับ

(เรื่อง Driver ผมจะเขียนบทความเพิ่มเติมในตอนหลังๆครับ)

2. ตั้งค่าไอคอนที่หน้าจอ คลิ๊กขวาเลือก Personalize ที่เมนูทางซ้ายเลือก Change Desktop Icons

เลือก Icon ที่ต้องการให้แสดงบนหน้าจอ กด OK

เสร็จเรียบร้อยครับ

3. ตั้งค่าภาษาไทยใน Windows 7

ไปที่ Start Menu เลือก Control Panel

กดเลือกที่ Change Keyboard or Other Input Method

ที่แท๊ป Format เปลี่ยนเป็น Thai(Thailand)

ที่แทป Location เปลี่ยน Current Location เป็น Thailand

ที่แทป “Keyboards and Language” กดปุ่ม “Change Keyboards”

ส่วนนี้เป็นการตั้งค่าภาษาของ Keyboard ครับ ถ้ายังไม่มี Thai ให้กด Add แล้วเลือก Thai Kedmanee

ต่อไปตั้งค่า ปุ่มเปลี่ยนภาษา ให้ไปที่ Advance Key Setting ตอนนี้ปุ่มเปลี่ยนภาษาคือ Left Alt + Shift

ให้กดที่ Change Key Sequence

ในช่องแรก Switch Input Language เปลี่ยนปุ่มเป็น Grave Accent หรือปุ่มตัวหนอนที่เรารุ้จักนั่นเองครับ กด OK ก็เสร็จแล้วครับ

ทั้งหมดเป็นการตั้งค่าการใช้งาน Windows 7 แบบเบื้องต้น หวังว่าคงมีประโยชน์กับหลายๆคนนะครับ